วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นั่งสมาธิ ทำให้เรียนดีขึ้นจดจำได้มากขึ้น! ?

สมาธิคืออะไร 


สมาธิ คือพลังที่จะนำไปสู่สันติภาพได้อย่างแท้จริง ด้วยสมาธิเป็นความสงบ สบายและความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้ เป็นข้อควรปฏิบัติเพื่อการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขไม่ประมาท เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ

       อนึ่งยามใดเกิดพายุและลมจัด ผิวน้ำของทะเลสาบจะมีแต่ริ้วและคลื่นเต็มไปหมด จนเราไม่สามารถจะมองเห็นภาพสะท้อนอันสวยงามของทิวทัศน์รอบๆ ทะเลสาปนั้นได้ แต่ในยามสงบไม่มีลมพายุพัด ผิวน้ำจะใสปราศจากคลื่นจนเราสามารถมองเห็นปลาว่ายน้ำไปมา และเห็นแม้กระทั่งก้นบึ้งของทะเลสาบนั้นได้ ในขณะเดียวกันจะสะท้อนให้เราเห็นภาพอันสวยสดงดงามของทิวทัศน์รอบๆ ทะเลสาบนั้น เช่นเดียวกัน ถ้าจิตใจเราเต็มไปด้วยความครุ่นคิดเราก็ไม่สามารถจะมองลึกเข้าไปภายในตัวเราให้เราเห็นภาพที่แท้จริงที่อยู่ภายในเรา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องสงบจิตใจของเราเพื่อจะได้ภาพที่ชัดเจนของเราเอง และเพื่อเราจะได้ดึงข้อมูลต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้ในจิตใต้สำนึกออกมาใช้ได้ และเป็นหนทางเดียวที่เราจะได้รับภาพจากจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นแหล่งเก็บความรู้ทั้งมวลและสติปัญญาด้วย




การฝึกสมาธิเป็นประโยชน์มากต่อการพัฒนาความจำให้ดีขึ้น ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ต่อการเรียน การสอนเด็กๆ ที่ฝึกสมาธิเป็นประจำจะได้รับผลประโยชน์มากและถ้าฝึกเป็นประจำ เขาจะรู้สึกว่ามีความสุขมาก และพบว่าอารมณ์ต่างๆ เช่น โกรธ โลภ หลงและอิจฉา จะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และปัญญาก็จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น ภายในใจจะเห็นภาพและมีความเข้าใจในความรู้ต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปมักจะได้ปัญญาที่แวบเข้ามาในสมองด้วยวิธีนี้ ซึ่งทำให้เขาได้ค้นพบการประดิษฐ์และทฤษฎีต่างๆ ที่ทำให้เขามีชื่อเสียง เช่น นิวตันค้นพบกฏของความโน้มถ่วงขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ลอย่างมีสมาธิ ไม่ใช่ในห้องทดลองที่เขาปฏิบัติการอยู่ ไม่เพียงแต่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบแรงดลใจต่างๆ เท่านั้น แม้นักกวีนิพนธ์ นักดนตรี ศิลปิน วิศวการ นักการเมือง และทุกคนก็สามารถได้รับแรงดลใจเช่นกัน ถ้าเขาได้ฝึกสมาธิเป็นประจำทุกวัน

นิยามของสมาธิ เป็นสิ่งที่ให้ได้ยากมาก เพราะสมาธิเป็นกิจกรรมทางใจ ที่ให้ความหมายเป็นผลดีทั้งรูปธรรมและนามธรรมแต่ที่แน่นอนที่สุด สมาธิให้ความสุขที่ครอบครองได้จริงกับชีวิต เป็นความสุขที่ไม่สูญหาย ไม่อาจถูกผู้อื่นแย่งไปได้  และเป็นความสุขที่ขึ้นอยู่กับตนเอง ได้มีอำนาจแห่งเงินตราหรือฐานันดรใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหรือแม้เพียงเข้ามามีอิทธิพล คำว่า”มีสีสัน” ของสมาธิในที่นี้จึงเป็นเรื่องของความมีชีวิต มองโลกในมุมเดิมได้สวยกว่า สามารถเติมดีกรีของความสุนทรีย์กับชีวิตได้ทุกท่าน พลิกผันมุมอับให้กลับดีขึ้นได้เสมอ และถ้าจะให้เป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องและสัมผัสได้ถึงสมาธิ โดยเบื้องต้นว่าเป็น  “ช่วงเวลาที่ความสงบ ความสบาย ความสดใส เข้ามารวมกันได้อย่างมีสติ”  พูดเป็นตัวย่อง่ายๆ  สมาธิเป็นการรวมตัวเข้าด้วยกันของสี่ ส.คือ
1. ส.สงบ    2. ส.สบาย   3. ส.สดใส   4. ส.สติ  ทั้ง 4  ส.  รวมกันได้สัดส่วนพอดี

สมาธิ ณ จุดที่มี สี่ ส.  สมบูรณ์หรือได้สัดส่วนพอดีนี้  แม้จะถือว่าเป็นสมาธิที่อยู่ในระดับพื้นฐาน แต่ก็ยังสามารถให้ประโยชน์ได้ดังนี้

1. ทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจ ควร ไม่ควร
2. มักเป็นผู้ที่มีความสดใส สบายได้เสมอ
3. ทำให้เกิดความสงบ เป็นผู้มีความสงบ
4.เป็นผู้มีความเข้าใจในสิ่งรอบข้างได้ดีขึ้น

ระดับของสี่ ส. ที่เป็นตัวปัจจัยของสมาธินี้จะพัฒนาขึ้นไปเป็นลำดับ  ตามสภาพของความละเอียดอ่อนของสมาธิ
ใจหรือส่วนประกอบที่เป็นองค์ประกอบอันจะทำให้เกิดสมาธิแบ่งออกเป็น
1.    อารมณ์ (Emotion)
2.    ใจภายนอก หรือ ความรู้สึกนึกคิด (mind)
3.    จิต หรือ ใจภายใน (Inner Spirit)

เห็นไหมครับว่าการนั่งสมาธินั้นมีประโยชน์มากมาย  หากเรานั่งทุกวัน นั่งเป็นประจำ จะทำให้เรามีสติ มีสมาธิ เมื่ออ่านหนังสือสมองจะปลอดโปร่งสบายพร้อมรับความรู้ ต่างจากคนที่ไม่ได้นั่งซึ่งจะมีเรื่องต่างๆให้คิดมากมาย  ผลการเรียนของคนนั่งสมาธิจึงมีเกณฑ์ดีกว่าคนไม่นั่ง



1 ความคิดเห็น: